ศูนย์ข้อมูลอาเซียน

ไทย-อาเซียนลงนามพิธีสารแก้ไข AJCEP เพิ่มโอกาสคนไทยลงทุนทำธุรกิจบริการในญี่ปุ่น

การประชุมรัฐมนตรี RCEP สมัยพิเศษ ครั้งที่ 7 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2562 ณ เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ไทย

น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วงการประชุมรัฐมนตรี RCEP สมัยพิเศษ ครั้งที่ 7 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2562 ณ เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ไทยได้ร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนรวม 10 ประเทศ ลงนามพิธีสารฉบับที่ 1 เพื่อแก้ไขความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น (AJCEP) เพื่อเพิ่มข้อตกลงด้านการค้าบริการ การเคลื่อนย้ายบุคคลธรรมดา และการลงทุนในความตกลง AJCEP เดิมที่ได้จัดทำตั้งแต่ปี 2552 และเป็นความตกลงที่ครอบคลุมเฉพาะเรื่องการค้าสินค้า โดยพิธีสารฉบับแก้ไขดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับภายในครึ่งปีหลังของปี 2562
“หลังจากความตกลง AJCEP ซึ่งครอบคลุมเฉพาะการค้าสินค้า มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2552 สมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่นได้เริ่มเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงด้านการค้าบริการ การเคลื่อนย้ายบุคคลธรรมดา และการลงทุนอย่างต่อเนื่อง จนสามารถบรรลุผลการเจรจาได้ในปี 2561”
ทั้งนี้ ในด้านการค้าบริการไทยจะได้ประโยชน์จากการที่ญี่ปุ่นจะเปิดตลาดสาขาบริการให้กับอาเซียนเพิ่มเติม ในระดับสูงกว่าที่ญี่ปุ่นผูกพันไว้กับองค์การการค้าโลก (WTO) เช่น บริการด้านวิจัยและพัฒนา บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ บริการวิชาชีพ บริการโสตทัศน์ บริการก่อสร้าง บริการจัดจำหน่าย บริการสิ่งแวดล้อม บริการการเงิน และบริการขนส่งในบางกิจกรรม เป็นต้น โดยญี่ปุ่นเปิดตลาดให้นักลงทุนอาเซียนถือหุ้นได้ถึง 100% และญี่ปุ่นยังจะเปิดตลาดเพิ่มเติมจากความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ซึ่งเป็นความตกลงสองฝ่ายระหว่างไทยกับญี่ปุ่น เช่น บริการด้านการแพทย์และทันตกรรม และบริการด้านวิชาชีพพยาบาล เป็นต้น พร้อมทั้งเปิดตลาดบริการเพิ่มเติมให้ตามที่ไทยเรียกร้องในสาขา เช่น บริการก่อสร้าง บริการการท่องเที่ยว บริการด้านโทรคมนาคม เป็นต้น จึงเป็นโอกาสให้นักลงทุนไทยซึ่งมีความเชี่ยวชาญในสาขาบริการดังกล่าวสามารถเข้าไปลงทุนในญี่ปุ่นได้อย่างครบวงจร ขณะที่ไทยได้เปิดตลาดบริการด้านการวิจัยและพัฒนา การให้คำปรึกษาด้านบริหารจัดการ และบริการด้านสิ่งแวดล้อมให้กับญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะช่วยยกมาตรฐานภาคบริการของไทย
สำหรับด้านการลงทุน จะมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการคุ้มครองการลงทุน การส่งเสริม และอำนวยความสะดวกด้านการลงทุน ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนญี่ปุ่นในฐานะนักลงทุนอันดับหนึ่งของไทย ทำให้มีการลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น โดยญี่ปุ่นสนใจการลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยเฉพาะในสาขายานยนต์แห่งอนาคต อากาศยาน เครื่องมือแพทย์ หุ่นยนต์ อุตสาหกรรมไบโอเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยยกระดับภาคการผลิตและห่วงโซ่อุปทานของไทยให้สามารถเข้าเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่มูลค่าระดับโลกได้
ที่มา : กระทรวงพาณิชย์

Tags
Show More

Related Articles

Close